Menu Close

โรค อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)

อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) 

แพทย์หญิง สลิล ศิริอุดมภาส  วว. พยาธิวิทยากายวิภาค

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นหนึ่งในโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด โรคนี้ถูกบรรยายไว้ครั้งแรกโดยจิตแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ Alois Alzheimer ในปี พ.ศ. 2499 ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการสำคัญ คือ ความจำเสื่อม หลงลืม มีพฤติกรรมและนิสัยเปลี่ยนไป อาการจะดำเนินไปอย่างช้า ๆ แต่ค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และเสียชีวิตในที่สุดไม่มีวิธีป้องกันหรือวิธีสำหรับรักษาให้หายได้
โรคอัลไซเมอร์จะพบในผู้สูงอายุ ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะพบอัตราการเป็นโรคมากขึ้น โดยในช่วงอายุ 65-69 ปี พบอุบัติการณ์การเกิดผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 3 คนต่อพันคนต่อปี แต่หากเป็นช่วงอายุ 85-89 ปี จะพบสูงถึง 40 คนต่อพันคนต่อปี พบได้ในทุกเชื้อชาติเพศหญิงพบมากกว่าเพศชายเล็กน้อย อาจเนื่องจากเพศหญิงมีอายุยืนยาวกว่าในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 2-4 % ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และจะพบเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุก 5 ปี หลังอายุ 60 ปี

อะไรเป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์?

ผู้ป่วยประมาณ 7% มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม และสามารถถ่ายทอดสู่ลูกหลานได้ ตำแหน่งความผิดปกติบนโครโมโซมที่พบชัดเจนแล้วว่าทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์อยู่บนโครโมโซมคู่ที่ 21, 14, 1, และ 19 ผู้ที่มีความผิดปกติของพันธุกรรมเหล่านี้จะป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ที่อายุน้อยกว่าคนที่ไม่ได้มีความผิดปกติทางพันธุกรรม นอกจากนี้พบว่าในผู้ป่วยโรคกลุ่มอาการดาวน์ (Down’s syndrome) ซึ่งมีความผิดปกติคือมีสารพันธุกรรมของโครโมโซมแท่งที่ 21 เกินมา หากมีชีวิตอยู่เกิน 40 ปี จะป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ในที่สุด ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เหลือไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนแต่พบปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ ดังนี้ คือ อายุที่มากขึ้นมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้เคยประสบอุบัติเหตุที่สมองหรือสมองได้รับบาดเจ็บ เป็นโรคอ้วน เป็นโรคเบาหวาน (เพิ่มความเสี่ยงขึ้นประมาณ 3 เท่า) เป็นโรคความดันโลหิตสูง และเป็นโรคไขมันในเลือดสูงแต่ระดับการศึกษาและระดับสติปัญญาไม่มีผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค นอกจากนี้มีการศึกษาพบว่าสารเคมีในธรรมชาติบางตัว เช่น อะลูมิเนียม ปรอท รวมทั้งไวรัสบางชนิดอาจเป็นสาเหตุของโรคนี้แต่หลักฐานก็ยังไม่ชัดเจน
ส่วนปัจจัยที่ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคนี้ลงได้ ได้แก่ การใช้ยาต้านการอักเสบในกลุ่มเอนเสดส์ (Non-steroidal anti-inflammatory drugs, NSAIDs) การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในหญิงวัยหมดประจำเดือน การกินผักและผลไม้เป็นประจำ การดื่มไวน์แดงในปริมาณที่เหมาะสม การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การใช้สมองฝึกคิด ฝึกเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเป็นประจำ
อนึ่ง ยาทั้งสองชนิดที่กล่าวถึง ไม่ควรซื้อกินเองเพราะมีผลข้างเคียงสูง เช่น เอนเสดส์อาจก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร (โรคแผลเปบติค) และเอสโตรเจน เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ พยาธิสภาพสมองผู้ป่วยอัลไซเมอร์เป็นอย่างไร?

เมื่อนำสมองของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์มาตรวจดู จะพบลักษณะดังนี้

  1. พบกลุ่มแผ่น (Plaque) ที่เกิดจากการรวมตัวของโปรตีนที่ผิดปกติและถูกล้อมรอบด้วยเซลล์ประสาทที่เสื่อม (Dystrophic neuritis) เรียกกลุ่มแผ่นนี้ว่า Amyloid plaques หรือ Neuritic plaques ซึ่งต้องตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยจะพบกลุ่มแผ่นเหล่านี้อยู่ในเนื้อของสมองแต่อยู่นอกเซลล์ประสาท โปรตีนที่ประกอบกันเป็นกลุ่มแผ่นนี้มีโปรตีนที่ชื่อ Beta-amyloid protein เป็นองค์ประกอบหลัก
    ในช่วงระยะแรกของการเป็นโรค บริเวณของสมองที่จะพบ Amyloid plaques คือส่วนของกลีบสมองใหญ่ส่วนลึกที่เรียกว่า Hippocampus และ Entorhinal cortex ซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ
    ในช่วงระยะหลังของโรค จะพบที่สมองใหญ่บริเวณที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคิดและเหตุผล
    ส่วนสมองบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวร่างกาย การรับรู้ความรู้สึก จะไม่ค่อยพบ Amyloid plaques
    ในสมองคนสูงอายุทั่วไป สามารถพบ Amyloid plaques ได้ แต่จะมีปริมาณไม่มากเท่ากับคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์
  2. พบเส้นใยฝอย (Fibril) ของโปรตีนที่มาพันรวมตัวกันผิดปกติ เรียกว่าNeurofibrillary tangles (NFT) ซึ่งต้องตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยจะพบอยู่ในเซล์ประสาทส่วนที่ไม่ใช่นิวเคลียส์ โปรตีนที่เกิดความผิดปกตินี้ชื่อว่า Tau protein ตำแหน่งที่พบจะเหมือนกับ Amyloid plaques ซึ่งเซลล์ประสาทที่มี NFT นั้นในที่สุดก็จะตายไป แต่การพบ NFT นี้ไม่ได้เป็นลักษณะเฉพาะของโรคอัลไซเมอร์ เพราะสามารถพบได้ในโรคสมองเสื่อมชนิดอื่น ๆ ด้วย
  3. การตรวจดูสมองด้วยตาเปล่า จะพบการฝ่อลีบของสมอง โดยเฉพาะบริเวณกลีบต่าง ๆ ของสมอง

บรรณานุกรม

Alzheimer’s disease, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 17th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2008 (electronic book)
http://en.wikipedia.org/wiki/Alzheimer’s_disease [2018,Oct13]
http://emedicine.medscape.com/article/1134817-overview#showall [2018,Oct13]

Posted in โรคอัลไซเมอร์

บทความที่เกี่ยวข้อง